Menu Close

7 วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต

สัตว์เลี้ยงหลายตัวพออายุมากขึ้น เวลาได้รับอุบัติเหตุหรือมีอาการป่วยทางระบบประสาทจนทำให้ขาเดินไม่ได้ อ่อนแรง ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างก็ทำให้เกิดข้อจำกัดในการรักษาหรือการผ่าตัด ทำให้เจ้าของหลายคนเลือกที่จะรักษาแบบประคับประคองอาการไปก่อน ทำให้น้องหมาน้องแมวที่ป่วยด้วยอาการเหล่านี้เปรียบเสมือนผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถลุกเดินไม่สามารถเคลื่อนตัวไปไหนมาไหนได้ ทำให้การดูแลสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ต้องเอาใจใส่และได้รับการดูแลพิเศษต่างจากสัตว์เลี้ยงทั่วไป หากสัตว์เลี้ยงของเราป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตเราจะดูแลเขาอย่างไรเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลองมาฟังคำแนะนำจากสัตวแพทย์กัน

เมื่อสัตว์เลี้ยงป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต คำแนะนำของสัตวแพทย์คือสัตว์ที่ป่วยด้วยอาการเหล่านี้มักจะไม่เสียชีวิตจากการที่เดินหรือเคลื่อนที่ไม่ได้ แต่จะอาการแย่ลงจากปัจจัยเหล่านี้ 

  1. แผลกดทับ เกิดจากการไม่เคลื่อนที่หรือนอนทับด้านใดด้านหนึ่งนาน ๆ การไม่เคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้กล้ามเนื้อและไขมันลดลงและกระดูกยิ่งเด่นชัดขึ้น เกิดเป็นแผลและการติดเชื้อตามมา 
  2. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยปกติในกระเพาะปัสสาวะทั่วไปจะไม่มีการติดเชื้อ แต่การที่ไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะ ไม่สามารถลุกไปปัสสาวะ หรือการปัสสาวะไม่สุดจนเกิดการคงค้างของปัสสาวะ ก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อย้อนจากทางออกของอวัยวะเพศกลับเข้าไป
  3. ปอดอักเสบ การนอนทับด้านใดด้านหนึ่งนาน ๆ จะเกิดการสะสมของเสมหะในทางเดินหายใจและปอด เมื่อเกิดการขัดขวางของการขยายตัวของปอดด้านใดด้านหนึ่งนาน ๆ ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนได้ 

7 วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต

1.กักบริเวณในที่สะอาด

กักบริเวณในพื้นที่จำกัดและสะอาด เช่น ในกรงหรือพื้นที่ขนาดเล็ก รวมทั้งงดการกระโดดวิ่งเล่นและขึ้นลงบันไดอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ในช่วงแรก เพื่อลดการกระทบกระเทือนต่อระบบประสาทที่สามารถเกิดขึ้นได้

2.ให้สัตว์นั่ง/นอนในที่นุ่ม  

กรณีที่สัตว์มีอาการอัมพาต เจ้าของควรให้นั่งหรือนอนบนที่นุ่มและสะอาด เช่น เตียงลม เตียงน้ำ ฟองน้ำหนา ๆ ไม่ควรให้สัตว์อยู่บนพื้นหิน พื้นกระเบื้อง หรือดินทราย

3.พลิกตัวสัตว์ทุก 3-4 ชั่วโมง

กรณีที่สัตว์นอนอัมพาตทั้งตัว อัมพาตครึ่งซีก หรือนอนหมดสติไม่รู้ตัว เจ้าของจะต้องพลิกตัวสัตว์ทุก 3-4 ชั่วโมง พร้อมกับทำการตบช่องอกให้สัตว์ขับเสมหะเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับและปอดบวม

4.ถ้าเกิดแผลกดทับ ต้องทำความสะอาดแผลทุกวัน

ในกรณีที่เกิดแผลกดทับสัตว์เลี้ยงควรจะต้องได้รับการทำความสะอาดแผลทุกวัน และต้องใช้วัสดุลดแผลกดทับป้องกันบริเวณปากแผล เช่น ก๊อซม้วนเป็นวงหนาโดนัท ห่วงยาง แผ่นฟองน้ำ ฯลฯ

5.ออกกำลังกาย 

ให้สัตว์เลี้ยงออกกำลังกายขาข้างที่ผิดปกติ โดยเจ้าของสามารถทำได้ทำดังนี้

  1. บีบนวดขาบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  2. จัดขาแต่ละข้าง ยืด-งอ เข้า-ออก ข้างละ 30-100 ครั้ง วันละ 3 รอบ
  3. เกาหรือกระตุ้นฝ่าเท้าเพื่อฝึกการงอขาแต่ละข้าง ข้างละ 5-10 ครั้ง วันละ 3 รอบ
  4. จับขาทำท่าปั่นจักยาน ข้างละ 5 ครั้ง วันละ 3 รอบ

6.การดูแลการถ่ายปัสสาวะ 

  1. เช็ดทำความสะอาดผิวหนังเปื้อนปัสสาวะบ่อย ๆ
  2. ทาวาสลีนบนผิวหนังที่ผิวหนังที่สัมผัสหรือเปื้อนปัสสาวะเสมอ
  3. บีบกระเพาะปัสสาวะ เพื่อช่วยระบายปัสสาวะบ่อย ๆ ทุก 2-6 ชั่วโมง 
  4. การสวนปัสสาวะอาจทำได้แต่ควรอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์

ส่วนการดูแลเรื่องการถ่ายอุจจาระนั้น หลังสัตว์เลี้ยงขับถ่ายอุจจาระเจ้าของควรทำความสะอาดส่วนท้ายของลำตัวเสมอ อาจเล็มขนรอบทวารและโคนหางให้บ้าง

7.มาพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

เจ้าของควรเข้ามาติดตามอาการกับสัตวแพทย์เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง การที่สัตว์เลี้ยงป่วยเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต สิ่งสำคัญคือเราต้องใส่ใจและดูแลเขาด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม การปรึกษาสัตวแพทย์ คอยดูแลเรื่องความสะอาดและหมั่นทำกายภาพบำบัดก็จะช่วยให้น้อง ๆ มีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้  

ข้อมูลจาก

น.สพ.นรวร นาคทิพวรรณ (หมอเกล้า) สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน