Menu Close

ระวัง! โรคหัวใจ โรคอันตรายที่สุนัขก็เป็นได้

หัวใจอ่อนแอเมื่อรู้ว่าคนที่เธอแคร์ไม่ใช่เรา อ้าว! ผิดประเด็น ก็เพราะหัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เวลาเป็นอะไรขึ้นมาทีก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของเราได้ ไม่ใช่แค่กับคน แต่สุนัขก็เช่นกัน งงกันล่ะสิว่าสุนัขก็เป็นโรคหัวใจได้ด้วยเหรอ? งั้นเรามาค้นหาคำตอบกันดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วน้องหมาเป็นโรคหัวใจได้หรือเปล่า แล้วสาเหตุของโรคเกิดจากอะไรได้บ้าง จะรักษาได้อย่างไร เพื่อให้เจ้าของทุกคนสามารถพาน้องหมาไปรักษาได้ทันท่วงทีกันค่ะ

สำหรับคำถามที่ว่า สุนัขสามารถป่วยเป็นโรคหัวใจได้ด้วยเหรอ? คำตอบก็คือ สุนัขป่วยเป็นโรคหัวใจได้จริง ๆ โดยโรคหัวใจสามารถพบได้ในสุนัขตั้งแต่เกิดหรือหลังเกิด หรืออาจพบว่าโรคนี้มีการพัฒนาขึ้นในช่วงกลาง ๆ ชีวิต แต่โรคหัวใจของสุนัขที่เกิดขึ้นในภายหลัง (Acquired Heart Disease) เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยที่สุด และสุนัขที่พบว่าเป็นโรคหัวใจมักเป็นสุนัขที่มีอายุมาก

นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยเปิดเผยให้เห็นว่าเจ้าของสุนัขกว่า 50% ไม่เคยตระหนักว่าสุนัขของตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจเลย ทั้งที่มีสุนัขอายุ 7 ปีขึ้นไปมากถึง 1 ใน 4 ที่เป็นโรคหัวใจ

“หัวใจ” ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายของสัตว์เลี้ยง เนื่องจากหัวใจมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดเพื่อนำออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ผ่านทางหลอดเลือดไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย ความผิดปกติที่เกิดกับหัวใจส่วนใหญ่มักจะทำให้เกิดการบีบตัวของหัวใจลดลง ซึ่งสามารถทำให้เกิดการสะสมของของเหลวในช่องอกและช่องท้องได้

ชนิดของโรคหัวใจ

โรคหัวใจแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่

1.โรคลิ้นหัวใจเรื้อรัง โรคลิ้นหัวใจรั่วจะทำให้ประสิทธิภาพในการบีบตัวของหัวใจเพื่อนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลดลง ซึ่งเป็นความผิดปกติของหัวใจที่พบได้บ่อยในสุนัข

2.โรคกล้ามเนื้อหัวใจ อาการผิดปกตินี้จะเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจเกิดการหนาตัวหรือผนังห้องหัวใจบางและอ่อนแอ มีผลทำให้ประสิทธิภาพในการบีบตัวของหัวใจลดลง ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยในแมว

โรคหัวใจทั้งสองชนิดจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นโดยใช้ระยะเวลา แต่ทั้ง 2 ชนิดสามารถก่อให้เกิดภาวะที่มีความรุนแรงต่อการทำงานของหัวใจที่เรียกว่า หัวใจล้มเหลว (heart failure) 

สาเหตุของโรคหัวใจ

โรคหัวใจมักเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

  • สภาพร่างกาย – สุนัขและแมวที่มีน้ำหนักเกินจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจสูง
  • อายุ – ความถี่ของโรคหัวใจในสัตว์เลี้ยงมักเพิ่มขึ้นเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอายุมากขึ้น
  • สายพันธุ์ – สุนัขพันธุ์เล็กที่มักเป็นโรคลิ้นหัวใจ เช่น พุดเดิ้ล (Poodle) มินิเอเจอร์ชเนาเซอร์ (Miniature Schnauzer) ชิวาวา (Chihuahua) ฟอกซ์เทอร์เรียร์ (Fox Terrier) ค็อกเกอร์สแปเนียล (Cocker Spaniel) บอสตันเทอร์เรียร์ บอสตันเทร์เรียร์ (Boston Terrier) และคาวาเลียร์ คิง ชาร์ลส์ สแปเนียล (Cavalier King Charles Spaniel) ฯลฯ แต่ในกรณีโรคของกล้ามเนื้อหัวใจ มักเกิดในสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น เกรทเดน (Great Dane) โดเบอร์แมน (Dobermann) อัฟกันฮาวนด์ (Afghan Hound) เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบในสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น อิงลิชบูลด็อก (English Bulldog)” เป็นต้น

จะทราบได้อย่างไรว่าสุนัขเป็นโรคหัวใจ

อาการโรคหัวใจในสุนัขค่อนข้างไม่แน่นอน สามารถบ่งบอกได้ยากเพราะมักคล้ายกับความผิดปกติของโรคอื่น ๆ อาจจะพบได้ตั้งแต่ประเภทที่ไม่สามารถสังเกตอาการได้จนถึงสามารถสังเกตพบอาการ แต่อาการจะมีความเด่นชัดหรือมีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อการพัฒนาของโรคหัวใจมีมากขึ้น อาการที่สามารถสังเกตได้ เช่น 

1.อ่อนเพลียง่ายหรือขาดพลังงาน

2.หายใจลำบาก

3.ไม่กินอาหารและน้ำหนักตัวลดลง

4.มีการไอบ่อย ๆ

5.อ่อนแอ เหนื่อยง่าย ออกกำลังกายได้น้อยลง

6.เป็นลม หมดสติ 

7.ท้องบวมขยายใหญ่ 

ถ้าหากเจ้าของพบอาการข้างต้นในสุนัขควรพามาพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจความผิดปกติของหัวใจน้องหมา

แนวทางการวินิจฉัยโรคหัวใจในสุนัข

1.ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ฟังเสียงหัวใจและปอด

ประวัติและอาการที่เจ้าของตรวจพบจะเป็นข้อมูลที่ช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจได้ เพราะบางครั้งสัตว์เลี้ยงอาจไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นขณะที่ทำการตรวจ เช่น การไอเสียงเบาในลำคอร่วมกับมีอาการรุนแรงขึ้นในตอนกลางคืนและหายใจลำบาก หรือหัวใจเต้นเร็วร่วมกับชีพจรเบา มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ

การฟังที่ช่องอกก็ทำให้ทราบอัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจได้ นอกจากนี้อาจมีการตรวจคลำดูลักษณะการเต้นของชีพจรว่ามีความดัง- เบาและสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจหรือไม่ เพราะสามารถใช้บ่งบอกถึงโรคของหัวใจบางอย่างได้ รวมถึงการฟังและการเคาะที่ช่องอกจะช่วยบ่งชี้สภาวะความผิดปกติของปอด เช่น มีน้ำ อากาศ ความแน่นทึบ ในช่องอกหรือไม่ 

2.ตรวจเลือดทั่วไป ตรวจค่าการทำงานของตับ ไต ตรวจโรคพยาธิหนอนหัวใจ

– การตรวจนับเม็ดเลือด เช่น กรณีที่สงสัยว่ามีโรคติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ

– การตรวจพยาธิหนอนหัวใจ (Heartworm Disease) ตรวจวัดระดับแอนติเจน (พยาธิหัวใจตัวแก่) หรือตรวจหาไมโครฟิลาเรีย (พยาธิหัวใจตัวอ่อนที่อยู่ในกระแสเลือด)  

– การตรวจค่าไต (Urea, Creatinine) ในกรณีที่สงสัยว่ามีปัญหาการทำงานของไต เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงที่ไตไม่พอ

– การตรวจวัดความผิดปกติของอิเล็กโตรไลต์

– การตรวจวัดเอ็นไซม์จากตับ (ALP, ALT) ในกรณีที่สงสัยว่ามีภาวะขาดออกซิเจน

– การตรวจวัดระดับ CPK ซึ่งอาจสูงจากการเกิด การเสื่อมหรือการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ

3.เอ็กซเรย์ช่องอก

เพื่อประเมินขนาดหัวใจและปอดว่ามีความปกติหรือไม่ การเอ็กซเรย์ช่องอกและส่วนคอเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการวินิจฉัยแยกโรคหัวใจออกจากโรคระบบทางเดินหายใจ โดยจะเอ็กซเรย์ในขณะที่น้องหมาหายใจเข้าลึกที่สุด 2 ท่า คือ ท่านอนหงายและนอนตะแคง ภาพเอ็กซเรย์จะทำให้เราสามารถเห็นสภาพของปอด หลอดลม เส้นเลือดในปอด และช่องอก ซึ่งบอกถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากโรคของระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจได้

4.ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีความสำคัญในน้องหมาบางตัวที่ตรวจพบการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับโรคของปอดหรือโรคของหัวใจเองที่ไม่สามารถตรวจพบจากการเอ็กซเรย์ช่องอก เช่น เกิดความผิดปกติของการนำกระแสประสาทหัวใจหรือมีการขยายใหญ่ของหัวใจ

5.อัลตร้าซาวด์หัวใจ

เพื่อดูโครงสร้างภายในของหัวใจที่อาจมีความผิดปกติ เช่น การปิดไม่สนิทของลิ้นหัวใจ การรั่วของผนังห้องหัวใจ หรือการตีบแคบของหลอดเลือดที่หัวใจ การมีน้ำในถุงหุ้มหัวใจ เป็นต้นนอกจากนี้ยังสามารถใช้วัดประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ การบีบตัวและการคลายตัวได้

โรคหัวใจในสุนัขสามารถรักษาได้หรือไม่

โรคหัวใจในสุนัขสามารถรักษาได้ แต่อาจจะไม่มีการรักษาแบบใดที่สามารถรักษาโรคหัวใจของสุนัขได้ทุกชนิด ทั้งนี้ ความสำเร็จของการรักษาโรคหัวใจสุนัขขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยสัตว์ที่ป่วยโรคหัวใจสามารถควบคุมอาการของโรคได้ด้วยการออกกำลังกาย การใช้ยา รวมถึงการเลือกกินอาหารที่ถูกต้องร่วมกับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ แต่การตรวจพบปัญหาโรคหัวใจในระยะแรก ๆ จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะจะเป็นการช่วยรักษาชีวิตน้องหมาได้เร็ว ทำให้น้องอยู่กับเราได้อีกนาน

ข้อควรระวัง อาการระยะเริ่มแรกของโรคหัวใจอาจไม่แสดงออกมาอย่างเด่นชัด ดังนั้นถ้าหากใครสงสัยว่าสุนัขเป็นโรคหัวใจควรนำสุนัขไปพบสัตวแพทย์ทันทีนะคะ

การพาสุนัขมาตรวจสุขภาพหรือตรวจร่างกายประจำปีเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ตรวจพบปัญหาสุขภาพหรือโรคหัวใจในระยะเริ่มต้นของน้องหมาได้นะคะ ดังนั้นใครที่เลี้ยงสุนัขควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ คอยสังเกตอาการน้องว่ามีความเสี่ยงไหม เพื่อที่หากน้องเป็นโรคหัวใจจะได้มารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ให้น้องอยู่กับเราไปอีกนานค่ะ

———————————————————————————–

แหล่งอ้างอิง 

สพ.ญ.อรญา ประพันธ์พจน์ สัตวแพทย์ประจำแผนกอายุรกรรม แผนกศัลยกรรม และแผนกโรคหัวใจ โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน   

Morris Animal Foundation. 5 Common Signs of Heart Disease in Dogs. From Moris Animal Foundation : https://www.morrisanimalfoundation.org/article/5-common-signs-heart-disease-dogs

Spectra For Dog. (ม.ป.ป.). สัญญาณเตือนโรคหัวใจในน้องหมา. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 จาก https://www.spectrafordog.com/TH/protect/protect_5.html