การตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด
สำคัญกับสัตว์เลี้ยงของท่านอย่างไร ??
โดยการตรวจสุขภาพนั้นจะแบ่งออกเป็นการตรวจร่างกายทั่วไป
และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจร่างกายทั่วไปได้แก่ การดูสีเยื่อเมือก , การคลำตรวจร่างกาย , การฟังเสียงปอด ,
การฟังเสียงและจังหวะการเต้นของหัวใจ , การคลำชีพจร
การตรวจทางห้องปฏิบัติการได้แก่ การตรวจความสมบูรณ์ของโลหิต
( วัดระดับเม็ดเลือดแดง/เม็ดเลือดขาว/เกล็ดเลือด ) ,การตรวจค่าเลือดเพื่อดูการทำงานของตับ-ไต , การตรวจค่าอิเล็กโตรไลท์ในเลือด ( โดยเฉพาะในรายผ่าตัดฉุกเฉิน เช่น กระเพาะอาหารบิดตัว การผ่าตัดในรายโรคปอด ) การฉายภาพรังสี การทำอัลตร้าซาวด์ ทั่วไป และอัลตร้าซาวด์หัวใจ
การตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจปัสสาวะ เป็นต้น
ก่อนการผ่าตัดควรทำการงดอาหาร
และน้ำอย่างน้อย 8 – 12 ชั่วโมง
เนื่องจากในขณะที่ร่างกายอยู่ในภาวะสลบนั้นกล้ามเนื้อหูรูดต่างๆจะผ่อนคลาย อาจมีผลให้สัตว์เลี้ยงสำลักอาหารหรือน้ำจากกระเพาะอาหารเข้าสู่หลอดลมเกิดการสำลักและเป็นอันตรายชีวิตได้
แต่การจำกัดน้ำนั้นมีข้อยกเว้นใน
คือไม่ควรงดน้ำนานเกินกว่า 3 ชั่วโมง
เนื่องจากลูกสัตว์ยังมีกลไกการปรับสมดุลย์น้ำในร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ การงดน้ำนานเกินไปโดยไม่ได้ให้สารน้ำทดแทนอาจส่งผลให้ลูกสัตว์เกิดภาวะขาดน้ำได้
ทำความสะอาดพื้นที่ผิวก่อนการผ่าตัดเท่าที่ทำได้
กรณีเป็นการผ่าตัดที่ไม่รีบร้อนหรือมีเวลาให้สามารถเตรียมตัวสัตว์ได้และสัตว์มีสุขภาพดี
เช่น ผ่าตัดทำหมัน ผ่าตัดเนื้องอกที่ผิวหนัง เจ้าของอาจอาบน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงล่วงหน้า 1 วัน
เพื่อให้สัตว์เลี้ยงสะอาดที่สุดในการผ่าตัด แต่ถ้าหากสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวย
เช่น สุนัขเป็นมดลูกอักเสบเป็นหนอง แมวถูกรถชนกระดูกขาหัก ก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำก็ได้ค่ะ อาจทำความสะอาดเช็ดล้างคราบต่างๆ คร่าวๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะทางสัตวแพทย์จะทำการโกนขนและฟอกล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบนผิวหนังสัตว์เลี้ยงก่อนการผ่าตัดอยู่แล้ว การเตรียมพื้นผิวก่อนการผ่าตัดให้สะอาดนั้นก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากผิวหนังเข้าสู่แผลผ่าตัด
เนื่องจากการผ่าตัดบางประเภทนั้นมีค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่ค่อนข้างสูง
เช่น การผ่าตัดในช่องอก การผ่าตัดแก้ไขกระดูกหักบางชนิด การผ่าตัดทางระบบประสาท
การผ่าตัดเพื่อตัดต่อลำไส้ การผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งสัตว์เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องพักรักษาต่อ
ที่โรงพยาบาลสัตว์ตามที่สัตวแพทย์แนะนำ ดังนั้นก่อนการตัดสินใจผ่าตัดเจ้าของมีสิทธิที่จะให้สัตวแพทย์ประเมินค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เพื่อเราจะได้เตรียมค่าใช้จ่ายได้พอดีกับการรักษา
เตรียมใจยอมรับความเสี่ยงของการวางยาสลบ
ภาวะสลบนั้นที่จริงแล้วก็คล้ายกับภาวะขณะที่สัตว์หลับลึกนั่นเอง
เนื่องจากในภาวะสลบร่างกายจะมีอัตราการเต้นของหัวใจและชีพจร
รวมถึงการหายใจก็จะช้ากว่าภาวะปกติซึ่งเป็นผลจากฤทธิ์ของยาสลบ
เพียงแต่ว่าปัญหาที่ทำให้สัตว์เข้ารับการผ่าตัดนั้นจะเป็นสิ่งที่เพิ่มความเสี่ยงในการวางยา
ยกตัวอย่างเช่น สุนัขที่มาทำหมัน ย่อมมีความเสี่ยงในการวางยาสลบน้อยกว่า
สุนัขที่มาผ่าคลอดและสุนัขที่มาผ่าตัดช่องอกทะลุตามลำดับ
นอกจากนี้อายุของสุนัขก็มีผลต่อการวางยาสลบเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น
สุนัขโตเต็มวัยย่อมมีความเสี่ยงในการวางยาสลบน้อยกว่าสุนัขที่มีอายุน้อยและสุนัขแก่ตามลำดับ เป็นต้น
TIP
สอบถามสัตวแพทย์ถึงการดูแลหลังการผ่าตัดรวมถึงปัญหาแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
เนื่องจากการผ่าตัดอาจยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมดจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางยาและการดูแลจากเจ้าของอย่างใกล้ชิด อย่าลืมว่าความสำเร็จของการรักษามาจากหมอครึ่งหนึ่งและจากเจ้าของอีกครึ่งหนึ่ง
การตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนการผ่าตัดจะช่วยให้สัตวแพทย์ประเมินความเสี่ยงในการวางยาสลบ เลือกชนิดยาสลบ เตรียมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ให้เหมาะสมกับการผ่าตัด ตลอดจนคาดการณ์และเตรียมรับมือกับปัญหาความเสี่ยงซึ่งอาจเกิดขึ้นในขณะสัตว์ได้รับการวางยาสลบได้
การดูแลสัตว์เลี้ยงหลังผ่าตัด
ส่วนใหญ่เมื่อหมาหลังผ่าตัดเริ่มฟื้นก็ดีใจกันว่ารอดแล้ว สบายใจได้ หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการเริ่มของภาระกิจหนักหนาอีกกว่า 7 วัน ท่านเจ้าของต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมการพยาบาลดูแลน้องหมาด้วย
- ป้องกันหมาแทะ แกะ เลียแผลผ่าตัด อันนี้สำคัญที่สุด เพราะบางตัวแทะจนแผลแตก ดังนั้นต้องดูแลป้องกันอาจจะใช้ปลอกคอกันแทะ หรือสวมเสื้อรัดแผล
- อย่าให้แผลเปียกน้ำ สกปรก หมักหมมด้วยฉี่ และอึ
- ระวังหมาตัวอื่นจะมาช่วยแทะ แกะ เลีย ควรแยกหมาป่วยไปพยาบาลในที่อื่นจนกว่า แผลจะหายดีแล้วจึงนำกลับมาเข้าพวก รวมฝูง
- งดการกระโดดโลดเต้น ควรให้พักกิจกรรมไว้จนกว่าแผลผ่าตัดหายดี เป็นการป้อง กันแผลแตก หรือไม่ติด
- ป้อนยากิน ทายาที่แผล และปฏิบัติตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด ตลอดจนเมื่อถึงวันนัดหมายไปตรวจหรือตัดไหม
เรียบเรียงโดย สพ.ญ. อรญา ประพันธ์พจน์
แผนกอายุรกรรม, แผนกศัลยกรรม, แผนกโรคหัวใจ