ไมโครชิพสัตว์เลี้ยงคืออะไร และขั้นตอนขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง

ไมโครชิพสัตว์เลี้ยงคืออะไร และขั้นตอนการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงตามข้อบัญญัติใหม่ ควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ของกรุงเทพมหานคร

  • ไมโครชิพในสัตว์เลี้ยงคืออะไร มีความปลอดภัยมากน้อยขนาดไหน?
  • การฝังไมโครชิพคือการติดตามพิกัดคล้ายๆกับ GPS หรือเปล่า?
  • ขั้นตอนการลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงตามข้อบัญญัติใหม่ การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ.2567 ของ กรุงเทพมหานคร

บทความนี้จะพามาตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการฝังไมโครชิพในสัตว์เลี้ยง และการขึ้นทะเบียนตามข้อบัญญัติใหม่ของ กทม.

ไมโครชิพในสัตว์เลี้ยงคืออะไร

          ไมโครชิพ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กเทียบเท่ากับเม็ดข้าวสาร ถูกออกแบบโดยใช้วัสดุชนิดพิเศษที่สามารถฝังในร่างกายสัตว์ได้ตลอดชีวิต ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ต่อร่างกาย และเพื่อความปลอดภัยการฝังจะต้องทำโดยสัตวแพทย์เท่านั้น โดยคุณหมอจะฝังไว้ที่ด้านหลังคอของสัตว์เลี้ยง ระหว่างไหล่ทั้ง 2 ข้าง (ยกเว้นนกที่ฝังบริเวณช่วงอก) โดยสัตว์ที่สามารถฝั่งไมโครชิพได้ เช่น สุนัข แมว นก เป็นต้น

          ข้อมูลภายในไมโครชิพ สำหรับฝังในสัตว์เลี้ยงนั้นจะเปรียบเสมือนบัตรประจำตัวของสัตว์เลี้ยง ซึ่งประกอบด้วยเลขประจำตัวของน้องๆ ที่ไม่ซ้ำกัน ทั้งหมด 15 หลัก ซึ่งตัวเลขทั้ง 15 หลักนี้จะเป็นเหมือนชุดกุญแจที่จะไขเข้าไปดูฐานข้อมูลของสัตว์เลี้ยงที่ฝังไมโครชิพ โดยในฐานข้อมูลนี้จะระบุข้อมูลประจำตัวที่สำคัญของสัตว์เลี้ยงเอาไว้ สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ได้แก่

  • ข้อมูลสัตว์เลี้ยง เช่น ชื่อ พันธุ์ เพศ สี อายุ เป็นต้น
  • ข้อมูลของเจ้าของสัตว์เลี้ยง เช่น ชื่อ ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ และเบอร์โทรของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
  • ข้อมูลของโรงพยาบาลที่ฝังไมโครชิพให้

ขั้นตอนการฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง

สำหรับที่โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันมีขั้นตอนการฝังไมโครชิพง่ายๆ ใช้เวลา 30-45 นาทีดังนี้

  1. นำสัตว์เลี้ยงที่ต้องการฝังไมโครชิพมาที่โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือดก่อนฝัง
  2. สัตวแพทย์ผู้ฝังจะทำการฝังไมโครชิพผ่านการฉีดโดยเข็มชนิดพิเศษที่มีไมโครชิพอยู่ด้านใน
  3. เมื่อฝังเรียบร้อย เจ้าของรอรับเอกสารรับรองการฝังไมโครชิพ

ประโยชน์ของการฝังไมโครชิพในสัตว์เลี้ยง

  • ป้องกันการสูญหาย พลัดหลง หรือถูกขโมย – เมื่อสัตว์เลี้ยงของเราสูญหายและมีคนพบเจอเข้าและพาไปตรวจไมโครชิพ ตัวไมโครชิพนี้เองที่จะเป็นตัวที่บ่งบอกว่าสัตว์เลี้ยงตัวนี้มีเจ้าของ เพื่อที่จะสามารถติดต่อและส่งคืนให้กับเจ้าของได้
  • ไมโครชิพไม่ได้ทำงานเหมือน GPS จึงไม่สามารถใช้ติดตามตำแหน่งของสัตว์เลี้ยงแบบ real time ได้
  • สำหรับเดินทางต่างประเทศ – เดี๋ยวนี้การพาสัตว์เลี้ยงของเราไปต่างประเทศนั้นจำเป็นต้องฝังไมโครชิพด้วย เพราะตอนนี้มีหลายประเทศที่มีกฏหมายให้ฝังไมโครชิพไว้ในสัตว์เลี้ยงแล้วเช่นกัน
  • ลงทะเบียนประกวดสัตว์เลี้ยง – ในการประกวดสัตว์เลี้ยงระดับสากลนั้นจำเป็นต้องฝังไมโครชิพก่อนลงสมัคร เพื่อยืนยันตัวตน แสดงความมีเจ้าของ และป้องกันการสูญหายระหว่างการประกวด
  • แทนการใช้ใบเพดดีกรี – ในการซื้อขายสัตว์เลี้ยงนั้น การมีไมโครชิพจะเป็นตัวช่วยยืนยันว่าสัตว์เลี้ยงที่เราจะรับมานั้นถูกตัวหรือเปล่า
  • ใช้ยืนยันสายพันธุ์ – การมีไมโครชิพในตัวพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์จะช่วยยืนยันให้เราได้ว่า สายพันธุ์ที่เราได้มานั้นตรงกันหรือไม่

สัตว์เลี้ยงสามารถฝังไมโครชิพได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

โดยปกติสำหรับสุนัขและแมว สามารถฝังไมโครชิพได้ตั้งแต่อายุ 30-45 วันขึ้นไป และน้ำหนักตัวต้องมากกว่า 1 กิโลกรัม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงนั้นๆ ด้วย แนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์ผู้ฝังจะดีที่สุด

ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง

หลังจากฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยงเรียบร้อยแล้วทางโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจะออกเอกสารรับรอง เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงไปดำเนินการต่อที่คลินิกสัตวแพทย์กรุงเทพมหานครทั้ง 8 แห่ง และที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต (ที่สำนักงานเขตดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2569 เป็นต้นไป อ้างอิงจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร) โดยต้องเตรียมเอกสารดังนี้

  • ใบรับรอง คลส.1 (โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันออกเอกสารดังกล่าวให้ พร้อมสติ๊กเกอร์เลขไมโครชิพ 15 หลัก)
  • แบบคำขอจดทะเบียนสุนัข/แมว คลส.2 (โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันจัดเตรียมเอกสารให้ แต่กรอกเองโดยเจ้าของสัตว์เลี้ยง)
  • บัตรประชาชนของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
  • ทะเบียนบ้านของเจ้าของสัตว์เลี้ยง

ในกรณีที่พักอาศัยเป็นบ้านเช่าต้องมีเอกสารเพิ่มเติมดังนี้

  • เอกสารยินยอมจากผู้ให้เช่า หรือหนังสือสัญญาเช่า
  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ให้เช่า
  • หากไม่สะดวกดำเนินการเองสามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้

ไปขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงได้ที่

  • กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ถ.มิตรไมตรี เขตดินแดง โทร. 0-2248-7417
  • คลินิกสัตวแพทย์ของกรุงเทพมหานคร
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.1 สีพระยา เขตบางรัก โทร. 0-2236-4055 ต่อ 213
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.2 มีนบุรี เขตมีนบุรี โทร. 0-2914-5822
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.3 วัดธาตุทอง เขตวัฒนา โทร. 0-2392-9278
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.4 บางเขน เขตจตุจักร โทร. 0-2579-1342
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.5 วัดหงส์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ โทร. 0-2472-5895 ต่อ 109
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.6 ช่วงนุชเนตร เขตจอมทอง โทร. 0-2476-6493 ต่อ 1104
    • คลินิกสัตวแพทย์ กทม.7 บางกอกน้อย เขตบางกอกน้อย โทร. 0-2411-2432

โดยการขึ้นทะเบียนไม่จำเป็นต้องนำสัตว์เลี้ยงไป และต้องดำเนินการภายใน 120 วันหลังสัตว์เลี้ยงเกิด หรือภายใน 30 วันหลังจากนำมาเลี้ยง

และเมื่อขึ้นทะเบียนเสร็จเรียบร้อยจะได้รับเอกสาร คลส.3 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยง 1 ใบ

ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องทำอะไรบ้างตามข้อบัญญัติใหม่ของกรุงเทพมหานคร

เลี้ยงสัตว์เลี้ยงตามขนาดพื้นที่

  • คอนโด/ห้องเช่า ขนาดไม่เกิน 20-80 ตารางเมตร เลี้ยงได้ 1 ตัว
  • คอนโด/ห้องเช่า ขนาดมากกว่า 80 ตารางเมตร เลี้ยงได้สูงสุด 2 ตัว
  • บ้านที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ตารางวาเลี้ยงได้สูงสุด 2 ตัว
  • บ้านที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 50 ตารางวาเลี้ยงได้สูงสุด 3 ตัว
  • บ้านที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 100 ตารางวาเลี้ยงได้สูงสุด 4 ตัว
  • บ้านที่ดินเนื้อที่ 100 ตารางวาขึ้นไปเลี้ยงได้สูงสุด 6 ตัว

กรณีที่เลี้ยงเกินจำนวนมาก่อนที่ข้อบัญญัติใหม่จะบังคับใช้ ยังสามารถเลี้ยงต่อไปได้ แต่ต้องแจ้งที่สำนักงานเขตภายใน 90 วันหลังจากบังคับใช้คือก่อนวันที่ 9 เมษายน 2569

หากเลี้ยงสุนัขพันธุ์ควบคุมพิเศษต้องแจ้งเขต ซึ่งสุนัขพันธุ์พิเศษตามข้อบัญญัติใหม่  พ.ศ. 2567 ได้แก่

  • พิทบูลเทอร์เรีย
  • บูลเทอร์เรีย
  • สเตฟฟอร์ดเชอร์บูลเทอร์เรีย
  • ร็อตไวเลอร์
  • ฟิล่า บราซิเลียโร
  • และสุนัขที่มีประวัติทำร้าย หรือพยายามทำร้ายคนต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเปลี่ยนเป็นสุนัขควบคุมพิเศษ

การนำสุนัขและแมวออกนอกสถานที่

  • แสดงบัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยงเมื่อถูกเรียกตรวจจากเจ้าหน้าที่
  • ใช้สายจูง คอก กรง หรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อคน หรือสัตว์ตัวอื่น
  • กรณีเป็นสุนัขพันธุ์ควบคุมพิเศษต้องใช้อุปกรณ์ครอบปาก ใช้สายจูงที่แข็งแรง และจับสายจูงตลอดเวลาห่างจากคอสุนัขไม่เกิน 50 เซนติเมตร
  • ห้ามผู้อายุต่ำกว่า 15 หรือเกินกว่า 65 ปี นำสุนัขควบคุมพิเศษออกนอกสถานที่เลี้ยง

ข้อควรรู้เพิ่มเติมสำหรับผู้เลี้ยงที่เตรียมจะขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง

  • หากเคยฝังไมโครชิพมาก่อนหน้านี้แล้วสามารถไปดำเนินการที่คลินิกสัตวแพทย์ กทม. ได้เลย
  • หากต้องการเปลี่ยนเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องยื่นคำขอที่คลินิกสัตวแพทย์ หรือสำนักงานเขต โดยใช้เอกสารคือ
    • บัตรประจำตัวสุนัข และแมว
    • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของคนใหม่
    • ทะเบียนบ้านที่เป็นสถานที่เลี้ยงแห่งใหม่ ในกรณีที่เป็นบ้านเช่าต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ให้เช่า
  • ถ้าสุนัข และแมวสูญหายต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคลินิกสัตวแพทย์ หรือสำนักงานเขตภายใน 3 วัน
  • กรณีที่ต้องการย้ายที่อยู่ของสุนัขและแมว แต่เจ้าของยังเป็นคนเดิมต้องแจ้งต่อคลินิกสัตวแพทย์ หรือสำนักงานเขตภายใน 30 วัน
  • กรณีบัตรประจำตัวสุนัขและแมวชำรุด สูญหายต้องแจ้งต่อคลินิกสัตวแพทย์ หรือสำนักงานเขตภายใน 30 วัน
  • หากสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตต้องแจ้งต่อคลินิกสัตวแพทย์ หรือสำนักงานเขตภายใน 30 วัน

บทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม

ผู้ใดฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ มีโทษตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฝ่าฝืนตามมาตรา 29 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท)

อ้างอิง

https://www.ratchakitcha.soc.go.th/
https://www.oic.go.th/
https://pr-bangkok.com/?p=486402
https://pr-bangkok.com/?p=482998
https://www.facebook.com/bangkokbma/
thไทย